ย้อนรอย หุ้นแรงไปแรง บริษัท.แคลิฟอร์เนีย ว้าว (Cawow) บทเรียนแสนแพงของคนไทย

                                                               บทเรียนแสนแพงของคนไทย

ใครเลยจะคาดคิดว่า ธุรกิจ หรือ แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส เซ็นเตอร์ ธุรกิจออกกำลัง แบรนด์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกาซึ่งก่อตั้งโดย "แอริค มาร์ค เลอวีน" นักธุรกิจหนุ่มก้ามปูภาพลักษณ์ดีกับพวก ที่เติบโตอย่างหวือหวาในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาจนกลายเป็นธุรกิจดาวเด่น จะปิดฉากเหมือนกิจการต้มตุ๋น

เมื่อ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. หรือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ออกมาระบุอย่างไม่ลังเลว่า ผู้บริหารแห่งนี้วางแผนโกงมาตั้งแต่ต้น โดยโอนเงินออกนอกประเทศในช่วง 10 ปีของการดำเนินธุรกิจเป็นเงินรวมกว่า 1.699 พันล้านบาท และเป็นการโอนตั้งแต่ปีแรก ทั้ง ๆ ที่บริษัทแจ้งผลขาดทุนมาตลอด
ย้อนกลับปี 2543 หลังวิกฤติต้มยำกุ้งไม่นาน แอริค มาร์ค เลวิน ชาวอเมริกัน หอบประสบการณ์ธุรกิจฟิตเนสจากฮ่องกงมาปักหลักในไทย ในชื่อ "แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส เซ็นเตอร์" ที่อาคารลิเบอร์ตี้สแควร์ บนถนนสีลม โดยชูแนวคิด Exertainment ศูนย์ออกกำลังกายครบวงจรในบรรยากาศ แสง สี เสียง และความสนุกสนาน แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส เซ็นเตอร์ ได้รับการตอบรับจากตลาดคนชั้นกลางเจนเอ็กซ์ ที่เน้นดูดี ทันทีด้วยภาพลักษณ์สถานที่ทันสมัย สอดรับกระแสดูแลสุขภาพที่เริ่มก่อตัวขึ้นในสังคมไทยเวลานั้น
แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส เซ็นเตอร์ มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ แอริค บรรลุข้อตกลงร่วมทุนกับ วิชา พูลวรลักษณ์ ซีอีโอกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในสัดส่วน 51 : 49 ในปี 2546 ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ ในปี 2547 และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงปลายปี 2548 โดยมีชื่อย่อว่า CAWOW
หลังเข้าระดมทุนจากตลาดหุ้น แคลิฟอร์เนียว้าว เพิ่มทุนเป็น 150 ล้านบาท พร้อมกับขยายสาขา2 ที่เมเจอร์ปิ่นเกล้า สาขา3 ที่สุขุมวิท 23 สาขา สาขา4 เมเจอร์รัชโยธิน สาขา5 ที่พารากอนก่อนขยายไปรุกต่างจังหวัดโดยเปิดสาขา 9 ที่เชียงใหม่ และ 10 ที่พัทยา นับว่าในช่วงเวลานั้น แคลิฟอร์เนีย ว้าว เติบโตอย่างก้าวกระโดด และสามารถยึดครองฟิตเนสอันดับหนึ่งของตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยกลยุทธ์ของแอริคที่สร้างสถานที่ทันสมัย สร้างความนิยมผ่านดาราดังที่เขาจ้างมาเป็นพรีเซนเตอร์ อาทิ ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ สินจัย หงส์ไทย ซุปตาร์ยอดนิยมฝ่ายหญิง หรือ จอย-วราลักษณ์ วาณิชย์กุล (ภายหลังเปลี่ยนสถานะมาเป็นภรรยาของเขา) และสาขาอยู่ในทำเลย่านคนทำงาน ประมาณว่าในช่วงพีกสุดของ "แคลิฟอร์เนีย ว้าว" สามารถครองมาร์เก็ตแชร์ในอุตสาหกรรมนี้กว่า 55% ได้โดยไม่ยาก จากสมาชิกในปีแรกที่มีเพียง 8.5 พันราย ณ สิ้นปี 2544 ในปีแรกภายในเวลา 3 ปีโตขึ้นกว่า 3 เท่าตัว เป็น 3 หมื่นรายในปี 2547 ก่อนเพิ่มเป็น 1 แสนรายในปี 2550 และสูงสุดเมื่อกลางปี 2553 ด้วยยอดสมาชิกถึง 1.6 แสนราย หรือมีผู้ใช้บริการต่อวันถึง 2 หมื่นราย

*สัญญาณผิดปกติ
ในช่วงเวลานั้น แคลิฟอร์เนีย ว้าว ถือเป็นลูกค้าชั้นดี แบงก์ทุกแห่งยินดีต้อนรับ แอริค ราวกับราชา และด้วยภาพลักษณ์ของ แอริค ที่นำเสนอตัวเองในภาพของหนุ่มใหญ่กล้ามโต เจ้าของฟิตเนสทันสมัย และดูร่ำรวย เป็นใบเบิกทางเข้าสู่สังคมไฮโซ เขาเป็นข่าวในคอลัมน์ซุบซิบถี่พอกับ แคลิฟอร์เนีย ว้าวเป็นข่าวในหน้าเศรษฐกิจ แต่เรื่องราวความสำเร็จของ แคลิฟอร์เนีย ว้าว และ แอริค มาพร้อมกับเสียงวิจารณ์ ทั้งวิธีการขายดุดัน ตั้งแต่ล่อให้เข้าใช้บริการก่อนนำเสนอขายภายหลัง บุกประชิดตัวถึงกลุ่มเป้าหมาย สัญญาการขายสมาชิกที่ผูกมัดลูกค้าไว้ตลอดกาล
หนึ่งในผู้มีประสบการณ์เล่าว่า พนักงานขายสมาชิกจะหว่านล้อมให้ซื้อบริการแบบผูกปีหลายคนหลวมตัวทำสัญญาตลอดชีพก็มี (ระบบสมาชิกของ แคลิฟอร์เนียว้าวมี 2ประเภทหลัก รายเดือน และรายปี-ผู้เขียน) และที่เล่าตรงกันคือการชำระค่าบริการ ต้องใช้บัตรเครดิตเท่านั้น หรือผู้เสียหายรายหนึ่งที่เสียเงินสมัครสมาชิกและบริการอื่นๆ เป็นเงินหลายแสนบาท เล่าว่า บริษัทผิดสัญญาเพราะลูกค้าได้ทำสัญญาสมัครสมาชิกฟิตเนสตลอดชีพ คือ เล่นได้ทุกสาขา ไม่จำกัด แต่บริษัทกลับทยอยปิดตัวไปทีละสาขาจนหมด โดยไม่มีใครสามารถแจ้งสถานะของบริษัท (ขณะนั้น)ได้ว่าจะปิดหรือดำเนินต่อ เชื่อว่าสมาชิกทั่วประเทศกว่า 1.5 แสนคน ยังมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ไม่ได้ออกมาร้องเรียน
ในด้านหนึ่งผู้หลวมตัวเป็นสมาชิกของ แคลิฟอร์เนีย ว้าว จำนวนมากได้เข้าร้องเรียนกับ สคบ. หรือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญา"เวลานั้นกรณีร้องเรียน แคลิฟอร์เนียพุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทีเดียว" หนึ่งในผู้รู้เรื่องดีให้ข้อมูล
*เริ่มเซ !!!
เสียงร้องเรียนและก่นด่าจากสมาชิกที่หลวมตัวเป็นสมาชิกแต่ได้รับบริการไม่เป็นอย่างที่คาดหวังค่อยๆ บ่อนแซะความน่าเชื่อถือของ แคลิฟอร์เนีย ว้าว ทีละน้อย สิ่งบอกเหตุสำคัญที่สุดคือการประกาศถอนตัวจาก "แคลิฟอร์เนีย ว้าว" ของกลุ่มเมเจอร์ในปี 2552 หลังร่วมทุนมาไม่ถึง 6 ปีดี โดย วิชาซีอีโอกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทยอยขายหุ้น แคลิฟอร์เนีย ว้าว จำนวน 53.37 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 17.79% เฉลี่ยที่หุ้นละ 0.74 บาท จากที่ถือรวม 37.7% ตัดหน้าก่อนที่บอร์ดจะอนุมัติแผนเพิ่มทุนล็อตใหม่จำนวน 402 ล้านบาทที่หุ้นละ 0.45 บาท ในปลายเดือนเดียวกัน ซึ่งเทียบกับราคาหุ้นไอพีโอปี 2548 ที่ราคาหุ้นละ 6 บาท เท่ากับวิชา ยอมขายขาดทุน ก่อนที่จะตัดขายหุ้นทั้งหมดอีก 19% ภายในปี 2554 แหล่งข่าวในเมเจอร์บอกว่า คุณวิชาไม่แฮปปี้กับข่าวการร้องเรียน แคลิฟอร์เนีย ว้าว ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะเกรงว่าจะกระทบภาพลักษณ์บริษัทและราคาหุ้นเมเจอร์
การถอนตัวของเมเจอร์ ทำเอาแคลิฟอร์เนีย ว้าวถึงกับเซ พร้อมกับข่าวร้ายที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่เป็นข่าวดังคือ แคลิฟอร์เนีย ว้าว ฟ้อง เมเจอร์ เรียกค่าเสียหายมูลค่า 370 ล้านบาท จากกรณี เมเจอร์ ตัดน้ำไฟ สาขาที่ เมเจอร์รัชโยธิน ปิ่นเกล้า และสุขุมวิท 23 จากการค้างค่าเช่า และค่าสาธารณูปโภค กว่า 50 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นแบงก์ที่เคยแย่งกันปล่อยสินเชื่อให้ แคลิฟอร์เนียว้าว ต้องหันมาเล่นบทใหม่ บทคนทวงหนี้ เมื่อ แคลิฟอร์เนียว้าว ผิดนัดชำระหนี้แบงก์หลายแห่ง อาทิแบงก์ทีเอ็มบี แบงก์กรุงศรีอยุธยา และแบงก์กรุงเทพเจ้าหนี้รายใหญ่ และต้นปี 2554 ชะตากรรมของ แคลิฟอร์เนียว้าว ก็เปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศให้ฟื้นฟูกิจการ และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดต่อจากนั้นคือ แอริค แจ้งลาออกจากตำแหน่ง ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
*ขาดทุนต่อเนื่อง
กับความเสื่อมถอยของผลประกอบการในช่วงหลังปี 2553 แคลิฟอร์เนียว ว้าว ให้เหตุผลว่าเป็นผลจากวิกฤติการเมืองในปี 2553 และมหาอุทกภัยในช่วงปลายปี 2554 จากการไล่พลิกผลประกอบการ แคลิฟอร์เนีย ว้าว พบว่า บริษัทมีกำไร 29.48 ล้านบาทในปี 2549 เพียงปีเดียว ที่เหลือจากนั้นขาดทุนมาโดยตลอด นับจากปี 2550 - 2554 เป็นต้นมากลับขาดทุนต่อเนื่อง จากขาดทุนสุทธิ 93.68 ล้านบาท ในปี 2550 เป็น -120.60 ล้านบาท/ ปี 2551, - 274.09 ล้านบาท/ปี 2552, -467.36 ล้านบาท/ ปี 2553 และ -246.64 ล้านบาท /ปี 2554
แต่ทว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่เจ้าหนี้รุมเร้าเข้ามาและผลประกอบการทรุดต่ำต่อเนื่อง แอริคที่ลาออกจากตำแหน่งบริหารแต่ยังคงถือหุ้นใหญ่ ได้เซอร์ไพรส์เจ้าหนี้ด้วยการประกาศหมั้นกับนางแบบชื่อดัง "วราลักษณ์ วาณิชย์กุล" ด้วยสินสอด เพชร 24 กะรัต มูลค่า 100 ล้านบาท เรือนหอบนเกาะภูเก็ตพื้นที่ 15 ไร่ที่ประเมินมูลค่าว่าแตะหลักพันล้านบาท และจัดพิธีแต่งงานอย่างเอิกเกริกทั้งในและต่างประเทศ
1 เดือนหลัง แอริค วิวาห์พันล้านบาท แบงก์กรุงเทพฟ้องล้มละลาย แคลิฟอร์เนีย ว้าว มูลหนี้ 75.87 ล้านบาท !!! ก่อนที่บริษัทตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งศาลฯมีคำสั่งรับคำร้องฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,856 วันที่ 27 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มวยวัดในตลาดหุ้น

Golden Cross